ผลการช่วยเหลือคนไทยและแรงงานไทยในพื้นที่เสี่ยงภัย ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2557

ผลการช่วยเหลือคนไทยและแรงงานไทยในพื้นที่เสี่ยงภัย ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2557

วันที่นำเข้าข้อมูล 30 ก.ค. 2557

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 19 พ.ค. 2564

| 1,752 view

ข่าวประชาสัมพันธ์
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ
เรื่อง ผลการช่วยเหลือคนไทยและแรงงานไทยในพื้นที่เสี่ยงภัย
---------------------

ตามที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ประชาสัมพันธ์มาให้ทราบเป็นระยะเกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันภัยและการหลบภัยแก่แรงงานไทยที่ทำงานในในโมชาฟ / คิบบุตซ์ต่าง ๆ ที่อยู่ติดกับฉนวนกาซารวม 17 แห่ง (เอกสารแนบ) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากจรวดที่ถูกยิงเข้ามาตกใกล้ที่พัก หรือ ที่ทำงาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงภัยอันดับแรก รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานเพื่อไปทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยน้อยกว่าเป็นการชั่วคราว การหยุดงาน และขอให้แจ้งความประสงค์เพื่อสถานเอกอัครราชทูตฯ จะได้ช่วยเหลือออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว นั้น

สถานเอกอัครราชทูต ฯ ขอแจ้งผลการดำเนินการ ดังนี้

1. สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ขอให้ฝ่ายอิสราเอลช่วยเตรียมการเคลื่อนย้ายแรงงานไทย โดยเฉพาะที่อยู่ในระยะ 1-20 กิโลเมตรจากฉนวนกาซา ในโมชาฟ/คิบบุตซ์ จำนวน 17 แห่ง ดังกล่าวข้างต้น และได้แจ้งนายจ้างว่า ขอให้แรงงานหยุดงาน และเตรียมตัวเคลื่อนย้ายออกมาจากที่ทำงานปัจจุบัน 

2. ผลการเคลื่อนย้ายแรงงาน จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2557 

แจ้งขอย้ายออก 116 ราย
ย้ายออกไปแล้ว 82 ราย 
รอการย้ายออก 34 ราย (ในจำนวนนี้ มี 11 คน เปลี่ยนใจขออยู่ที่เดิม และอีก 1 คน ขอกลับประเทศไทย จึงเหลือรอการช่วยเหลือ 12 คน)

ทั้งนี้ ฝ่ายอิสราเอลยืนยันว่าการย้ายงานไปทำงานที่อื่นชั่วคราวตามช่องทางที่จัดเตรียมไว้ให้ แรงงานทุกคนจะได้รับเงินค่าจ้างที่ค้างอยู่ และค่าจ้างในการทำงานที่ใหม่ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนเงินชดเชยในการหยุดงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ กำลังหารือกับฝ่ายอิสราเอลและจะแจ้งให้ทราบต่อไป ทางการอิสราเอลแจ้งด้วยว่า นายจ้างเดิมจะรับคนงานกลับไปทำงานที่เดิมได้ หากสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น 

3. ที่ผ่านมา แรงงานหลายคนยังต้องการทำงานในที่เดิม ไม่ต้องการย้ายที่ทำงาน ในขณะที่ บางส่วนได้ขอกลับประเทศไทยโดยความสมัครใจ สำหรับท่านที่ยังทำงานที่เดิม โดยเฉพาะที่โมชาฟ/คิบบุตซ์ที่อยู่ใกล้กับฉนวนกาซา สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานกับนายจ้างขอความร่วมมือให้อนุญาตให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่หยุดงานได้ชั่วคราว หรือ ลากลับไปพักงานที่ประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว (อินเตอร์วีซ่า) นอกจากนี้ ได้ประสานให้ทางการอิสราเอลเร่งรัดการติดตั้งที่หลบภัย หรือ บังเกอร์หลบภัยในนิคมเกษตรกรรมให้ทั่วถึงและเพียงพอ

4. โดยที่สถานการณ์ในขณะนี้ยังคงมีการโจมตีกันด้วยจรวดและกระสุนปืนครกกันอยู่ และยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงถาวรกันได้ ดังนั้น การย้ายออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยข้างต้น จึงมีความจำเป็นต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพี่น้องคนไทยและแรงงานไทยเป็นอย่างยิ่ง หากท่านใดที่มีความประสงค์จะย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย เป็นการชั่วคราว เพื่อไปทำงานในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยน้อยกว่าสามารถแจ้งชื่อ นามสกุล เบอร์โทร.ของท่าน รวมทั้งชื่อนายจ้างและเบอร์โทร.นายจ้าง ไปให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ทราบ เพิ่มเติม ทั้งในและนอกเวลาราชการ

โดยที่ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่อาจใช้โทรศัพท์ติดต่อราชการตลอดเวลา เพื่อพูดคุยกับแรงงานและประสานงานกับฝ่ายอิสราเอลในการรับแรงงานออกไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยน้อยกว่า ดั้งนั้น โทรศัพท์อาจจะไม่ว่าง จึงขอความกรุณาโทร.กลับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

โทรศัพท์ติดต่อสถานทูต – ฝ่ายแรงงาน

1) ผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน 054 469 3476
2) รองผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน 054 469 3477
3) หัวหน้าฝ่ายกงสุล 054 636 8150
4) เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล 050 537 0759 / 054 431 8830
5) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ 09 954 8412 – 13
6) สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน 09 954 8431 – 33

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ที่เมืองเฮอร์ซิเลีย ยังคงเปิดให้บริการ ตามเวลาปกติ 

สถานที่ 3 Maskit Street, P.O. Box. 2125
Herzilya Pituach, 46120

5. สถานเอกอัครราชทูตฯ มีความเป็นห่วงในความปลอดภัยของทุกท่าน จึงขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้แจ้งให้ทราบเป็นระยะ ๆ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งขอให้ติดตามสถานการณ์ เปิดรับข้อมูลข่าวสารของสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยเฉพาะจากเฟสบุ๊ก ได้แก่ (1) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และ (2) แฟนเพจ ชื่อ ทุกเรื่องเมืองยิว รวมทั้งข้อมูลของทางการอิสราเอล ตลอดจนคำแนะนำของนายจ้าง และการติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชนต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด 

ทั้งนี้ ขอความกรุณาทุกท่านโปรดใช้ความระมัดระวังในการหลบและป้องกันภัยให้มากที่สุด มีสติในการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ในทุกสถานการณ์อย่างรอบคอบ พยายามรวมกลุ่ม เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร และให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และหากมีการกำหนดตัวผู้ประสานกลุ่มไว้แล้ว ก็ขอความร่วมมือช่วยติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูตฯ ด้วย เพื่อร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ไม่แพร่กระจายข่าวที่ไม่มีมูลความจริง หรือข่าวที่เพียงแต่ได้ยินมา หรือ ข่าวลือ เพราะจะทำให้เกิดความสับสน กรณีมีเสียงเตือน หรือ สัญญาณเตือนภัย “เชวา อะดอม” ต้องรีบหาที่หลบภัยทันที หรือ ปฏิบัติตน หรือ ป้องกันตนเองจากการหลุดรอดเข้ามาของจรวดหรือวัตถุระเบิดต่าง ๆ ตามคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตฯ และทางการอิสราเอลที่เคยแจ้งมาก่อนหน้านี้ โดยเคร่งครัด

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ
30 กรกฎาคม 2557

เอกสารประกอบ

news-20140730-223555-184292.jpg
news-20140730-223559-997550.jpg